PM 2.5 เป็นปัจจัยที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง?

เริ่มต้นที่ PM 2.5 คืออะไร PM ย่อมาจาก Particulate Matter 

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมลพิษที่ลอยในอากาศ (airborne particulate matter pollution) 

โดยปกติมลพิษประกอบไปด้วยสารหลายชนิดทั้ง ฝุ่นมลพิษ PM 2.5, 

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ส่วน 2.5 มาจาก

ขนาดของฝุ่นมลพิษ PM ที่เล็กเท่ากับขนาด 2.5 ไมครอน โดยรวมจึงเรียกว่า PM 2.5

PM 2.5 มีผลต่อระบบทางเดินหายใจในระยะเริ่มต้น

คือหายใจไม่สะดวก เจ็บคอ และในระยะยาวจะส่งผลให้ปอดทำงานถดถอย

จนอาจก่อให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองและมะเร็งปอด ส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

เบื้องต้นสามารถป้องกันระบบทางเดินหายใจของเราด้วยการใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองเสมอ เมื่อออกไปพื้นที่โล่ง ฝุ่นละอองเยอะ

นอกจากระบบทางเดินหายใจแล้ว ฝุ่นละอองยังแทรกซึมเข้าไปในผิวหนัง ทำให้

ระคายเคืองผิว เกิดผดผื่นคัน จนถึงเป็นปัจจัยทำให้ผิวเสื่อมชราหรือทำให้เราแก่ขึ้นได้ด้วย เราสามารถ

ปกป้องผิวได้จากการใส่เสื้อผ้าปกคลุมร่างกายที่มิดชิด ทาโลชั่นหรือครีมป้องกันผิวสัมผัสฝุ่นควันโดยตรง และชำระล้างร่างกายให้ผิวสะอาดทุกครั้งหลังเผชิญฝุ่นภายนอก

แต่นอกเหนือจากนั่นแล้วยังมีความวิตกกังวลว่า ฝุ่นละออง PM 2.5 จะเป็นปัจจัยที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ (ณ​ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าฝุ่นพิษเป็นตัวการหรือสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง)

แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำว่าเราสามารถสังเกตมะเร็งผิวหนังในระยะเริ่มต้นได้จาก 6 สัญญาณอันตราย ดังนี้

1. มีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังเป็นก้อนนูนที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือขยายขนาดอย่างรวดเร็ว

2. ก้อนที่ผิวหนังมีแผลเกิดขึ้น หรือมีเลือดออกได้ง่าย

3. แผลเรื้อรังที่รักษาไม่หาย หรือมีแผลเกิดขึ้นบริเวณที่เป็นแผลเป็น หรือบริเวณแผลไฟไหม้มาก่อน

4. รอยโรคบริเวณแผลเดิมมีสีดำ หรือน้ำตาลที่ขอบเขตไม่ชัดเจน และมีแผลเกิดขึ้น

5. ไฝมีการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ รูปร่างสีที่เปลี่ยนแปลงไปอาจเป็นสีขาว หรือสีน้ำตาล ดำไม่สม่ำเสมอ มีแผลเกิดขึ้น หรือมีเลือดออกง่าย โดยเฉพาะบริเวณมือและเท้ารวมทั้งบริเวณเล็บ

6. พบผื่นเรื้อรังที่มีการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นเนื้อนูนขึ้นมา

ดูแลและหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงในร่างกายเรา

เพราะชีวิตดีดี เริ่มจากร่างกายที่แข็งแรง

ข้อมูลจาก Posttoday , ผู้จัดการออนไลน์

ภาพจาก Freepik

#ฝุ่น #PM2.5 #มะเร็งผิวหนัง